อุทกภัยในประเทศปากีสถาน พ.ศ. 2553
เริ่มขึ้นในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553
หลังเกิดฝนมรสุมตกหนักในหลายภูมิภาคของประเทศปากีสถาน
และมีผลกระทบต่อที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ
ประมาณหนึ่งในห้าของพื้นที่ปากีสถานทั้งหมดจมใต้น้ำ คิดเป็นราว 796,095
ตารางกิโลเมตร ตามข้อมูลของรัฐบาลปากีสถาน
อุทกภัยดังกล่าวมีผลกระทบโดยตรงต่อประชากรราว 20
ล้านคน ส่วนใหญ่จากการทำลายล้างทรัพย์สิน การดำรงชีพ และโครงสร้างพื้นฐาน
โดยมียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 2,000 คน
สาเหตุ
อุทกภัยครั้งนี้ได้รับอิทธิพลจากฝนมรสุมมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน
แผนที่ฝนตกผิดปกติซึ่งตีพิมพ์โดยนาซาแสดงให้เห็นฝนมรสุมหนาแน่นผิดปกติ
อันคาดว่าเป็นผลจากปรากฏการณ์ลานีญา วันที่ 21
มิถุนายนกรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถานเตือนว่าอุทกภัยในเขตเมืองและน้ำป่าไหลหลากอาจเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายนทางตอนเหนือของประเทศกรมดังกล่าวได้บันทึกปริมาณน้ำฝนสูงกว่าปกติในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม
พ.ศ. 2553 และเฝ้าระวังการเปลี่ยนรูปของคลื่นอุทกภัย (flood
wave progression) ปริมาณฝนตกนั้นเทียบได้กับเมื่อครั้งเกิดอุทกภัยเมื่อพ.ศ.2531,253 และ 2540ปริมาณฝนฤดูมรสุมทั่วประเทศพ.ศ. 2553 เกิน 87%
และสูงที่สุดนับแต่ พ.ศ. 2537และมากที่สุดเป็นอันดับสองในช่วงระยะเวลาห้าสิบปีหลังสุด
บทความในนิวไซแอนทิสต์คาดว่าสาเหตุของปริมาณฝนผิดปกติเกิดขึ้นจาก"การแข็ง"ของลมกรด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับรายงานว่ายังเป็นสาเหตุของคลื่นความร้อนและไฟป่าในรัสเซียอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นเดียวกับอุทกภัยในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2550
อุทกภัย
ฝนฤดูมรสุมพยากรณ์ว่าจะตกต่อไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม
และบรรรยายว่าเลวร้ายที่สุดในพื้นที่นี้ใน 80
ปีหลัง กรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถานรายงานว่ามีฝนตกเกิน 200
มิลลิเมตรในช่วง 24 ชั่วโมงในรัฐไคเบอร์-ปัคตุนควาและรัฐปัญจาบ ฝนตกทำลายสถิติ 274
มิลลิเมตรในเปศวาร์ในช่วง 24 ชั่วโมง สถิติครั้งก่อน คือ 187
มิลลิเมตรในเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 จนถึงวันที่ 30
กรกฎาคม มีประชาชนมากกว่า 500,000 คนต้องย้ายออกจากบ้าน วันที่ 30
กรกฎาคม ManuelBessler หัวหน้าสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติแถลงว่ามี 36 เขตได้รับผลกระทบ และมีประชาชนเดือดร้อน 950,000 คน
แม้เพียงหนึ่งวัน ตัวเลขรายงานได้เพิ่มขึ้นเป็นสูงถึงหนึ่งล้านคน และจนถึงกลางเดือนสิงหาคม
ทางสำนักงานฯ ได้เพิ่มตัวเลขเป็นเกือบ 20 ล้านคนได้รับผลกระทบ จนถึงกลางเดือนสิงหาคม
ตามข้อมูลของคณะกรรมการอุทกภัยกลางของรัฐ
อุทกภัยครั้งนี้ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,540 คน
ขณะที่อีก 2,088 คนได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนถูกทำลายไป 557,226
หลัง และอีกมากกว่า 6 ล้านคนพลัดถิ่นหนึ่งเดือนให้หลัง
ตัวเลขได้เพิ่มขึ้นเป็นเสียชีวิต 1,781 คน ได้รับบาดเจ็บ 2,966 คน
และบ้านเรือนมากกว่า 1.89 ล้านหลังถูกทำลาย
ผลที่ตามมา
โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของปากีสถานได้รับผลกระทบรุนแรงจากอุทกภัยซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่สายส่งไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้าสายป้อนและโรงกำเนิดไฟฟ้า10,000แห่งในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย น้ำนั้นได้จมโรงกำเนิดไฟฟ้ากว่า 150
แห่งในกิลกิต ความเสียหายดังกล่าวทำให้ขาดแคลนพลังงานไป 3.135จิกะวัตต์ หน่วยงานให้ความช่วยเหลือเตือนว่าอาจเกิดโรคระบาด(เช่น กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ท้องร่วงและโรคผิวหนัง)
เนื่องจากการขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดและการสุขาภิบาลเป็นความเสี่ยงร้ายแรงใหม่ของผู้ประสบอุทกภัยวันที่
14 สิงหาคม
มีรายงานผู้ป่วยอหิวาตกโรครายแรกเกิดขึ้นในเมืองมินโกรา
ทำให้เกิดความกลัวแก่ผู้ประสบอุทกภัยนับล้านคน
ผู้ซึ่งทรมานจากโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบและท้องร่วงอยู่ก่อนแล้วปากีสถานยังเผชิญกับการระบาดของมาลาเรีย
สหประชาชาติประเมินว่าประชาชน 800,000 คนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจากอุทกภัยในปากีสถาน
และสามารถเข้าถึงได้ทางอากาศเท่านั้น นอกจากนี้ยังแถลงว่ามีความต้องการเฮลิคอปเตอร์เพิ่มอีกอย่างน้อย 40 ลำเพื่อลำเลียงความช่วยเหลือช่วยชีวิตแก่ประชาชนที่สิ้นหวังมากขึ้นประชาชนที่ถูกตัดขาดมากนั้นอยู่ในเขตภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ซึ่งถนนและสะพานถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำ
การบรรเทาสาธารณภัย
จนถึงปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553
ปากีสถานได้ร้องขอผู้ให้บริจาคระหว่างประเทศเพื่อช่วยเหลือจากภัยพิบัติดังกล่าว โดยได้รับจัดหาเฮลิคอปเตอร์ยี่สิบเอ็ดลำและเรือ150ลำเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตามข้อมูลขององค์การจัดการภัยพิบัติแห่งชาติขณะนั้น สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำปากีสถานได้จัดเฮลิคอปเตอร์ให้เจ็ดลำ สหประชาชาติเริ่มการบรรเทาสาธารณภัยขององค์การและขอบริจาคเงิน 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อจัดหาความช่วยเหลือทันที
รวมทั้งอาหาร ที่พักและน้ำสะอาด วันที่ 14 สิงหาคม เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มูน เดินทางเยือนปากีสถานเพื่อตรวจตราและอภิปรายการบรรเทาสาธารณภัย โฆษกกองทัพปากีสถานว่าได้มีการจัดวางกำลังพลในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดและได้ช่วยเหลือประชาชนหลายพันคนนายกรัฐมนตรี ยูซัฟ ราซา กิลลานี เยือนรัฐและสั่งการให้กองทัพเรือปากีสถานช่วยอพยพผู้ประสบอุทกภัยจนถึงต้นเดือนสิงหาคม
มีประชาชนได้รับการช่วยเหลือมากกว่า 352,291 คน
ในการรับมือกับอุทกภัยแม่น้ำสินธุใน พ.ศ. 2516
และ 2519ที่ผ่านมาปากีสถานได้แต่งตั้งคณะกรรมการอุทกภัยกลาง(FFC)ในพ.ศ.2520 FFCดำเนินการภายใต้กำกับกระทรวงน้ำและพลังงานของปากีสถานมีหน้าที่รับผิดชอบโครงการควบคุมอุทกภัยและคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของชาวปากีสถานจากผลกระทบของอุทกภัยนับแต่ก่อตั้ง FFC ได้รับงบประมาณแล้ว87,800ล้านรูปีปากีสถาน(ราว900ล้านดอลลาร์สหรัฐ)เอกสารFFCแสดงให้เห็นว่าหลายโครงการได้ริเริ่มขึ้นได้รับการสนับสนุนงบประมาณและดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วแต่รายงานยังชี้ว่าแท้จริงแล้วมีการดำเนินการเพียงเล็กน้อยเพราะผู้นำไร้ประสิทธิภาพและการฉ้อราฎร์บังหลวง
แหล่งข้อมูล
อุทกภัยในประเทศปากีสถาน พ.ศ. 2553.
สืบค้นวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น